ยินดีต้อนรับสู่การท่องเที่ยวสบายๆ ในวันพิเศษกับคนพิเศษ


วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่ 13 การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

แนวโน้มทางการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
แนวโน้มทางการท่องเที่ยว
           ภูมิภาคที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสูงที่สุดคือ  ภูมิภาคเอเชียใต้ 9.5%  และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 9.1%  ส่วนอัตราการเจริญเติบโตด้านการจ้างงาน  ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราสูงเป็นอับดับที่หนึ่ง  คือ 5.2%  รองลงมาคือภูมิภาคเอเชียใต้ 4.6%
 
การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism)



การจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หมายถึง การกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์และการพัฒนาทรัพยากรการท่องเที่ยว รวมทั้งปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสุนทรียภาพแก่สมาชิกของสังคมในปัจจุบันและอนาคต โดยใช้ทรัพยากรอันทรงคุณค่าอย่างชาญฉลาด สามารถรักษาเอกลักษณ์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมไว้นานที่สุด เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และใช้ประโยชน์ได้ตลอดไป

รูปแบบการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ควรคำนึงถึงองค์ประกอบ 3 ประการ
- เป็นการจัดการท่องเที่ยวที่มีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศนั้นๆ
- เป็นการจัดการการท่องเที่ยวที่สร้างความรู้และให้ความรู้
- เป็นการจัดการการท่องเที่ยวที่ประชาชนในท้องถิ่นมีบทบาท มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ร่วมจัดทำและร่วมได้รับผลประโยชน์อย่างเสมอภาค

ความสำคัญของการจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
- เพื่อให้การใช้ทรัพยากรท่องเที่ยวเป็นไปอย่างคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพสูงสุด
- เพื่อรักษาทรัพยากรท่องเที่ยวให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
- เพื่อป้องกันผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดกับทรัพยากรท่องเที่ยวทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม


หลักการจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน


  1. อนุรักษ์และใช้ทรัพยากรอย่างพอดี (Using Resource Sustainable)
  2. ลดการบริโภคและใช้ทรัพยากรที่เกินความจำเป็นและลดการก่อของเสีย (Reducing Over-Consumption and Waste)
  3. รักษาและส่งเสริมความหลากหลายของธรรมชาติ สังคมและวัฒนธรรม (Maintain Diversity)
  4. การประสานการพัฒนาการท่องเที่ยว (Integrating Tourism into Planning)
  5. ต้องการนำการท่องเที่ยวขยายฐานเศรษฐกิจในท้องถิ่น (Supporting Local)
  6. การมีส่วนร่วม การสร้างเครือข่ายพัฒนาการท่องเที่ยวกับท้องถิ่น(Involving Local Communities)
  7. ประชุมปรึกษาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน (Consulting Stakeholders and the Public)
  8. การพัฒนาบุคลากร (Training Staff)
  9. จัดเตรียมข้อมูลคู่มือบริการข่าวสารการท่องเที่ยวให้พร้อม( Marketing Tourism Responsibly)
  10. ประเมินผล ตรวจสอบและวิจัย (Undertaking Research)
ขีดความสามารถในการรองรับ (Carrying capacity) หมายถึง ปริมาณการใช้ประโยชน์พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งที่พื้นที่นั้นสามารถจะแบกรับไว้ได้ ก่อนที่จะเกิดความเสื่อมโทรมขึ้นกับพื้นที่นั้นๆ

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Eco Tourism)
 การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Eco Tourism) หมายถึง การท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และแหล่งวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศ โดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวข้องภายใต้การจัดการสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่น เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

การท่องเที่ยวนิเวศประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 6 ประการ
  1. เป็นการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
  2. เป็นการท่องเที่ยวในแหล่งวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศ
  3. มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างมีระบบ
  4. มีการจัดการด้านการให้ความรู้
  5. มีความรับผิดชอบโดยผู้เป็นเจ้าของแหล่งท่องเที่ยว
  6. เป็นการท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความเพลิดเพลินและประทับใจ
กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สามารถแบ่งออกเป็นกิจกรรมหลัก 10 ประเภท ได้แก่
  1. กิจกรรมการเดินป่า (Hiking/ Trekking)
  2. กิจกรรมศึกษาธรรมชาติ (Nature Education)
  3. กิจกรรมถ่ายรูปธรรมชาติ บันทึกเทปวิดีโอ เทปเสียงธรรมชาติ (Nature Photography, Video Tapping And Sound of Nature Audio Taping)
  4. กิจกรรมส่อง/ ดูนก (Bird Watching)
  5. กิจกรรมศึกษา/ เที่ยวถ้ำ (Cave Exploring/ Visiting)
  6. กิจกรรมศึกษาท้องฟ้าและดาราศาสตร์ (Sky Interpretation)
  7. กิจกรรมล่องเรือศึกษาธรรมชาติ (Boat Sightseeing)
  8. กิจกรรมพายเรือแคนู/ เรือคายัค/ เรือบด/ เรือใบ (Canoeing/ Kayak/ Browbeating)/ Sailing) 
  9.  กิจกรรมดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น (Snorkel Skin Diving)
  10. กิจกรรมดำน้ำลึก (Scuba Diving)

กิจกรรมเสริม 9 ประเภท  ได้แก่
1.  กิจกรรมชมทิวทัศน์ธรรมชาติในบรรยากาศที่สงบ (Relaxing)
2.  กิจกรรมขี่จักรยานตามเส้นทางธรรมชาติ (Terrain/ Mountain Biking)
3.  กิจกรรมปีน/ ไต่เขา (Rock/ Mountain Climbing)
4.  กิจกรรมพักแรมด้วยเต็นท์ (Tent Camping)
5.  กิจกรรมเครื่องร่อนขนาดเล็ก (Hang Glider)
6.  กิจกรรมล่องแพยาง/ แพไม้ไผ่ (White Water Rafting)
7.  กิจกรรมพักผ่อนรับประทานอาหาร (Picnicking)
8.  กิจกรรมเที่ยวน้ำตก (Waterfall Visits/ Exploring)
9.  กิจกรรมวินด์เซิร์ฟ (Windsurfing)

การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agrotourism)

การท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมการเกษตรเป็นทรัพยากรการท่องเที่ยวหลัก สามารถดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยว มีการจัดระบบการให้บริการไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน และเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร รวมทั้งมีการวางแผนป้องกันและวางแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ

ประเภทของการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
  1. การกสิกรรม หมายถึงการประกอบพืชไร่ พืชสวน
  2. การประมง ได้แก่ กิจกรรมการเพาะเลี้ยงและการจับสัตว์น้ำ
  3. การปศุสัตว์

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism)

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหมายถึง การท่องเที่ยวเพื่อบำบัดโรคหรือบำรุงสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตของนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจเป็นการรักษาโรค การฟื้นฟูสุขภาพและการรักษาสุขภาพให้ดีขึ้น

ประเภทของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
1. การท่องเที่ยวเพื่อรักษาโรคของนักท่องเที่ยว
2. การท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูสุขภาพของนักท่องเที่ยว
3. การท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมสุขภาพของนักท่องเที่ยวให้ดีขึ้น





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น